วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2558

สำนักข่าวเสียงประชาธิปไตยแห่งพม่า(Democratic Voice of Burma)

ดีวีบี ( Democratic Voice of Burma: DVB)





DVB ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1992 โดยมีจุดกำเนิดจากการเป็นสื่อของรัฐบาลพลัดถิ่น NCGUB ที่ลี้ภัยการเมืองไปที่ประเทศนอรเวย์ ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน สำนักงานใหญ่ของ DVB ตั้งอยู่ที่กรุงออสโลว์ แต่มีสำนักงานสาขาในประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านของพม่า สำหรับประเทศไทยถือเป็นสาขาหลักอีกแห่งหนึ่ง มีสำนักงานอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ในปี ค.ศ. 1994 DVB เริ่มเปิดเว็บไซต์ที่แม้ไม่ใช่สื่อหลัก แต่ก็เป็นสื่อที่สะดวกสำหรับการค้นหาข้อมูล และสามารถนำเสนอข่าวได้รวดเร็ว ในบางครั้งเร็วกว่าเสนอทางวิทยุที่ต้องรอเวลาออกอากาศ ต่อมาในวันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 2005 DVB เริ่มดำเนินการด้านโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม แต่จากเหตุการณ์ประท้วงของพระสงฆ์เมื่อปี ค.ศ. 2007 บทบาทของ DVB ในการเสนอข่าวสารที่เด่นชัดทำให้ได้รับการสนับสนุนมากขึ้น การขยายตัวของธุรกิจจานดาวเทียมในพม่าในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาทำให้ DVB วางแผนงานในการขยายงานด้านโทรทัศน์ตามไปด้วย เนื่องจากในพม่านั้น มีเพียง DVB สถานีเดียวที่เป็นโทรทัศน์ภาษาพม่า ที่ไม่ใช่สถานีของรัฐบาล อย่างไรก็ตามการดำเนินงานในประเทศไทยและเพื่อนบ้านของพม่าก็ยังประสบปัญหาในเรื่องสถานะขององค์กร เนื่องจากต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลแต่ละประเทศที่มีต่อพม่าด้วย


เป้าประสงค์ของ DVB
·       เพื่อเสนอข่าวที่ ถูกต้องและไม่มีอคติแก่ประชาชนชาวพม่า
·       เพื่อส่งเสริมความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างชาวพม่าที่ต่างศาสนาและชาติพันธุ์
·       เพื่อสนับสนุนและดำรงสาธารณะมติที่เป็นอิสระ และเสริมสร้างการอภิปรายทางสังคม   และการเมือง
·       เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนแก่ชาวพม่า




รูปแบบสื่อ

·       วิทยุกระจายเสียงคลื่นสั้น (Shortwave) มีสถานีหลักอยู่ที่กรุงออสโลว์ และมีสถานีทวนสัญญาณในประเทศเพื่อนบ้านพม่าหลายแห่ง แต่ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย จึงไม่เปิดเผยเรื่องสถานที่โดยเริ่มดำเนินการส่งสัญญาณมาตั้งแต่ก่อตั้งองค์กรในปี ค.ศ. 1992 ข่าวสารนำเสนอใน 8 ภาษา คือ ภาษาพม่า กะเหรี่ยง ไทใหญ่ คะฉิ่น ฉิ่น อาระกัน คะยิ่น และคะเรนนี
·       โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เริ่มส่งสัญญาณเข้าไปในพม่า ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 2005 โดยเป็นสถานีโทรทัศน์ภาษาพม่าสถานีแรกที่เป็นอิสระ (จากการควบคุมของรัฐบาลพม่า) แต่เดิมแพร่ภาพเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ แต่ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม ค.ศ. 2008 เริ่มแพร่ภาพ 24 ชั่วโมง และกำลังเริ่มดำเนินงานภาคภาษาอังกฤษ   
·       เว็บไซต์ www.dvb.no โดยเป็นการสรุปข่าวจากที่นำเสนอในแต่ละวัน เป็นภาษาอังกฤษและภาษาพม่า

เรียบเรียงโดย : นางสาวเบญมาภรณ์ บุญสว่าง และ นางสาวสุทธิดา อะหลีกะเส็ม

รูปภาพจาก :



วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Burma JV กับ การเผยแพร่ความจริง



เหตุการณ์ที่พระสงฆ์ออกมาชุมนุมประท้วงรัฐบาลทหารพม่าที่ทำการปรับขึ้นค่าน้ำมันและก๊าซหุงต้มอย่างฉับพลันโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า  ในช่วงระหว่างเดือนสิงหาคม กันยายน ปี 2550 ได้ถูกถ่ายทอดผ่านสื่อภาพยนตร์เรื่อง Burma VJโดยผู้กำกับ  Jan Krogsgaard  และร่วมงานกับทีมข่าว DVB หรือที่เรียกกันในภาษาไทยว่า สำนักข่าวเสียงประชาธิปไตยแห่งพม่า  Burma VJ เป็นภาพยนตร์ที่นำเอาเรื่องราวเหตุการณ์จริงกว่า 80 % มาแสดง เนื้อหาในหนังจะพูดถึงการประท้วงที่นำโดยคณะพระภิกษุสงฆ์  แม่ชี  นักศึกษาและประชาชน ตัวเลขของพระสงฆ์ที่ออกมาประท้วงเริ่มจากสิบและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นร้อย จากร้อยเป็นพันและเป็นหมื่น ทั้งในย่างกุ้ง มัณฑะเลย์และพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ บวกกับความตึงเครียดจากปัญหาเศรษฐกิจ จนในท้ายสุด กลายเป็นการประท้วงใหญ่ที่มีประชาชนเข้าร่วมนับแสนคน เราสามารถเห็นได้ว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว ความกลัวอำนาจมืดและกระบอกปืนได้หายไปจากใจของประชาชนในพม่าไปชั่วขณะ แววตาของชาวพม่าทั่วไปตามท้องถนนที่ออกมาชุมนุมเริ่มมีความหวังอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในพม่าภาพเหตุการณ์พระสงฆ์เดินสวดมนต์ให้กับรัฐบาลพม่าตามท้องถนนในย่างกุ้ง โดยมีประชาชนพร้อมใจจับมือกันตั้งแถวเป็นแนวยาวโดยรอบ คอยคุ้มกันไม่ให้พระสงฆ์ถูกทำร้ายจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ  เหตุการณ์เริ่มบานปลายจนทำให้รัฐบาลทหารต้องคอร์ฟิวและห้ามประชาชนออกมาชุมนุมเกิน 5 คน พร้อมทั้งยังเข้าบุกจับตัวพระสงฆ์ตามวัดต่างๆ ในย่างกุ้งไปจำนวนมาก ถึงกระนั้น  ประชาชนจำนวนมากและพระสงฆ์จำนวนที่เหลือยังคงออกมารวมตัวประท้วงเหมือนเช่นทุกวัน  แต่ในท้ายที่สุดเราก็ได้เห็นภาพทหารพม่าปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยการใช้ปืน  มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก แม้แต่ช่างภาพชาวญี่ปุ่นก็ต้องจบชีวิตอย่างอนาถในเหตุการณ์ครั้งนี้หรือร่างของพระสงฆ์ลอยอึดอยู่ในคลอง การที่พระสงฆ์ออกมาเป็นแกนนำในการประท้วงครั้งนี้เปรียบเสมือนเป็นกำลังขับเคลื่อนหลักและเป็นแสงสว่างให้แก่ประชาชน  สื่อมวลชนบางแห่งเรียกเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า Saffron Revolution หรือ "การปฏิวัติผ้ากาสาวพัสตร์" 

การนำเสนอเหตุการณ์ครั้งนี้ DVB ใช้สื่อหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ดาวเทียม  วิทยุคลื่นสั้น  และอินเตอร์เน็ต  เมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกฉายไปทั่วโลกรวมถึงในพม่าเองก็ตาม  ทำให้รัฐบาลทหารเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมากและได้มีการจับกุมบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนี้  อีกทั้งยังมีการวางโทษต่อผู้ที่มี DVD เรื่อง Burma JV ไว้ในครอบครองรวมถึงผู้ที่ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย  แต่อย่างไรก็ตามการนำเสนอผลงานสู่สายตาประชาชนนั้นยังทำได้ง่ายกว่าการเก็บและส่งผ่านข้อมูลเพื่อที่รวบรวมมาเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่มากพอสมควร




ที่มา
http://news.thaipbs.or.th
http://www.prachatai.com/journal/2012/05/40481


เรียบเรียงโดย
นางสาวเบญจมาภรณ์ บุญสว่าง
นางสาวสุทธิดาอะหลีกะเส็ม

วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เหตุการณ์สำคัญที่พระสงฆ์ได้เข้ามามีส่วนร่วม



วิวัฒนาการในพม่า ยากต่อการแยกแยะระหว่างการใช้ศาสนาทางการเมืองและการพัฒนาสังคม เพราะค่อนข้างกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวจนแยกไม่ออก  ในช่วงยุคอาณานิคมนั้นชาวพุทธถูกกีดกันในการเข้าทำงานกับรัฐบาลทั้งๆที่ ตามกฎหมายแล้วก็ไม่ได้มีการห้ามคนศาสนาอื่นเข้ารับราชการ แต่ทางปฏิบัติ รัฐบาลก็พยายามใช้คนอินเดีย คนอังกฤษลูกครึ่งพม่า และคนอังกฤษเองเป็นพนักงานของรัฐเสียเป็นส่วนมาก  ศาสนาพุทธ ถูกตัดความสำคัญออกไปจากรัฐอาณานิคมอย่างสิ้นเชิง ได้มีการพยายามปลูกฝังศาสนาคริสเตียน บ่อนทำลายวัฒนธรรมของชาติต่างๆ  การกระทำเช่นนี้ ทำให้บทบาทของพระสงฆ์ในสังคมพม่าได้รับการยอมรับน้อยลง  การที่อังกฤษเข้ามายุ่งเกี่ยวกับงานการเมืองของพม่านั้นทำให้สถาบันทางสังคมเก่าของพม่าพังพินาศ ในทางศาสนา การปกครองของสงฆ์ก็ถูกตัดขาด ทำให้สถาบันสงฆ์ล้มเลิกไปโดยปริยาย และพระสงฆ์ขาดระเบียบวินัยแต่อย่างไรก็ตาม ในสมัยที่มีการเลือกตั้งอย่างอิสระในพม่า แนวคิดสังคมนิยมผสมศาสนาพุทธของอูนุ ได้รับการสนับสนุนจากมวลชนมากที่สุด จนแม้เมื่ออูนุหันมาสนใจศาสนามากขึ้นในตอนหลัง ถึงขั้นหันหลังให้กับลัทธิมาร์กซ์ เลิกเชื่อวิธีการใช้เผด็จการโดยชนชั้นกรรมาชีพ อูนุก็ยังชนะการเลือกตั้งในปี 1960 อย่างท่วมท้น และทันทีนั้น อูนุ ก็ประกาศให้พม่าเป็น พุทธประเทศ หรือพุทธรัฐ (Buddhist State) อย่างเต็มที่ โดยมีลักษณะที่พิเศษ 7 ประการคือ
1. ประกาศศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ
2. รัฐบาลจะปกป้อง เทิดทูน และสนับสนุนพุทธศาสนา พระธรรมคำสอน และการตรัสรู้
3. รัฐจะช่วยเหลือในการสร้างเจดีย์และโรงพยาบาลสำหรับสงฆ์
4. จะให้มีการสอนศาสนาพุทธในโรงเรียนต่างๆ และโรงเรียนที่จะตั้งขึ้นใหม่ในธรณีสงฆ์
5. กำหนดวันหยุดและเฉลิมฉลองตามพิธีศาสนาพุทธ
6. เจ้าหน้าที่รัฐบาลไม่จำเป็นต้องนับถือพุทธ
7. ประกันสิทธิและเสรีภาพในการสวดมนต์ บวงสรวงของทุกศาสนา
หลักการข้อ 6-7 ก่อให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ยุวสงฆ์ และการนำเอาหลักการไปปฏิบัติก็ไม่เหมาะสม ทำให้ได้รับการต่อต้านจากกลุ่มนับถือศาสนาอื่นและฝ่ายทหาร ผลที่สุดอูนุ ก็ถูกนายพลเน วิน ทำการรัฐประหารในปี 1962



                การเรียกร้องประชาธิปไตยในปี 1988 ของนักศึกษาประชาชน และพระสงฆ์ชาวพม่า นับว่าเป็นการต่อสู้ทางการเมืองที่เลวร้ายที่สุด ที่เกิดขั้นในชั่วอายุของเราที่มีศาสนาพุทธไปเกี่ยวข้อง ไม่ว่าสาเหตุที่แท้จริงจะเป็นเช่นใด แต่เราก็คงรุ้สึกหดหู่ใจอย่างยิ่ง ที่เห็นภาพพระสงฆ์นำหน้าขบวน ปิดหน้าปราศรัยต่อว่ารัฐบาล บางรูปมีพระสงฆ์บางนิกายถืออาวุธอยู่บนหลังคารถ และมีภาพพระสงฆ์ถูกยิงเสียชีวิตในเหตุการณ์หลายรูป

ที่มาของภาพ
http://www.bloggang.com/viewfb.php?id=freewisdom&month=22-05-2011&group=2&gblog=2

เรียบเรียงข้อมูดโดย

นางสาวเบญจมาภรณ์ บุญสว่าง และ นางสาวสุทธิดา อะหลีกะเส็ม